ผ้ายกเชิงลาย

Item

C0007-3.JPG
C0007-2.JPG
C0007-1.JPG

Dublin Core

Title

ผ้ายกเชิงลาย

VRA Core

Work Attributes

Title

1) ชื่อทั่วไป : ผ้าถุง
2) ชื่อภาษาไทย : ผ้าถุง
3) ชื่อภาษาถิ่น : ผ้านุ่ง, ผ้าซิ่น
4) ชื่อเรียกเฉพาะ : ผ้ายกเชิงลายคุณนายตื่นสาย

Agent

แม่อุ้ยสมบูรณ์ ชื่นชม

Cultural Context

ชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ : ไทยวน
1) เรื่องราวการทอผ้าของชาวลำพูน : ผ้าทอของคนลำพูน เป็นการผสมผสานงานหัตถศิลป์เมืองเหนือเข้ากับวัฒนธรรมสิ่งทอของภาคกลาง เกิดขึ้นจากเจ้าดารารัศมี พระธิดาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระเจ้าเชียงใหม่ลำดับที่ 7 กับพระเทวีแม่เจ้าเทพไกรสรหรือทิพเกสร ซึ่งได้ถวายตัวเข้าเป็นบาทบริจาริกาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์เจ้าพระองค์ที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับตัวเจ้าดารารัศมีเข้ามาพำนักอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อพุทธศักราช 2429 จนกระทั่งปลายรัชกาลราวพุทธศักราช 2451 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาพระอิสริยยศเจ้าดารารัศมีขึ้นเป็นพระราชชายา ตลอดระยะเวลาที่พระราชชายา เจ้าดารารัศมีประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ทรงยึดมั่นรักษาวัฒนธรรมการแต่งกายแบบล้านนาอย่างเหนียวแน่น มิได้ทรงเปลี่ยนแปลงมานุ่งห่มตามแบบแผนของราชสำนักสยาม ยามที่ต้องแต่งพระองค์เต็มยศประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งตามกฎเกณฑ์ของราชสำนักสยามกำหนดให้เจ้านายฝ่ายในทรงพระภูษายกทอง ก็ทรงยักย้ายทรงพระภูษาซิ่นที่ทอขึ้นในรูปลักษณ์พิเศษ ผสมผสานลักษณะของผ้ายกในราชสำนักสยามเข้ากับผ้าซิ่นตีนจกไหมคำตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของล้านนา แนวพระดำริในการสรรค์สร้างผ้าซิ่นอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ดังกล่าวได้รับการสืบสานอย่างจริงจังภายหลักจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ในพุทธศักราช 2453 ต่อมาในพุทธศักราช 2457 พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้นำความขึ้นกราบทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเสด็จขึ้นไปประทับ ณ นครเชียงใหม่
ในเวลาต่อมาศิลปะการทอผ้ายกตามแบบฉบับของ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี มิได้จำกัดอยู่แต่เพียงในคุ้มเจ้า นายฝ่ายเหนือแห่งนครเชียงใหม่เท่านั้น แต่ได้แพร่กระจาย ไปทั่วดินแดนล้านนา และเจริญรุ่งเรืองแพร่หลายเป็นที่สุด ที่จังหวัดลำพูน ในชื่อของ “ผ้ายกดอกลำพูน” ก่อให้เกิดชื่อ เสียงขจรขจายไปไกลเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในหนังสือเจ้าหลวงลำพูน ได้กล่าวไว้ว่า คุ้มหลวงหลัง เก่าของเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ที่ได้รับเป็นมรดกสืบทอดมา จากเจ้าหลวงอินทยงยศโชติเป็นอาคารไม้ใต้ถุนยกสูงมีพื้นที่ 4 ไร่เศษ บริเวณใต้ถุนคุ้มหลวงมีกี่ทอผ้าจำนวนหลายหลังเพื่อ ทอซิ่นตีนจกและผ้ายกดอก การทอผ้ายังคงได้รับการสืบทอด มาจนถึงทายาทรุ่นต่อมา โดยเฉพาะเจ้าหญิงลำเจียก ณ ลำพูน (พ.ศ.2442-2503) ธิดาในเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ หลังจาก ออกเรือนด้วยการเสกสมรสกับหม่อมเจ้าเกียรติประวัติ เกษมสันต์ แล้วไปสร้างเป็นคุ้มตึกทรงยุโรป 2 ชั้นสีเขียวตรงข้ามเยื้องกับ คุ้มหลวงด้านทิศตะวันออก มีพื้นที่คุ้มกว้างขวาง 4 ไร่เศษ เจ้าหญิงลำเจียกมีกี่ทอผ้าในโรงทอผ้าภายในคุ้มร้อยกว่าหลัง เดิมเจ้านายฝ่ายหญิงเมืองนครลำพูนนิยมทอผ้าซิ่นตีนจกอยู่ ก่อนแล้ว ลักษณะซิ่นตีนจกของเจ้านายหัวซิ่นจะทอเรียบไม่มี ลวดลาย ตัวซิ่นจะทอด้วยไหมทองคำเป็นลวดลายขวาง ส่วนตีนจก จะยกดอกเป็นลวดลายต่าง ๆ ด้วยไหมทองคำบนพื้นที่สีแดง เมื่อ เสร็จแล้วจึงนำเอาหัวซิ่น ตัวซิ่น กับตีนซิ่นมาเย็บต่อกัน ต่อมาเจ้าหญิงลำเจียกจึงได้ไปเรียนทอผ้ายกกับพระราชชายา เจ้าดารารัศมีที่เมืองนครเชียงใหม่ แล้วนำมาทอที่คุ้มวังหลวง เมืองนครลำพูนและคุ้มเจ้าหญิงลำเจียก สตรีช่างทอผ้าภายใน คุ้มเจ้าหญิงลำเจียกมาจากหลายหมู่บ้าน เช่น บ้านท่าขาม บ้านเวียงยอง บ้านตูลี้ บ้านวังไฮ และบ้านธิ เป็นต้น บางคน มาฝึกหัดทอผ้าภายในคุ้ม เมื่อทอชำนาญก็รับเส้นไหมไปทอที่ บ้าน เมื่อทอเสร็จก็นำมาส่งที่คุ้มและรับเงินค่าแรงไป เจ้าหญิง ลำเจียกจะควบคุมดูแลทุกขั้นตอนไปพร้อมกับการคิดค้น ลวดลายใหม่ ๆ และกำหนดสีสันบนผืนผ้าอย่างลงตัว ส่วนเจ้าหญิง ส่วนบุญ ณ ลำพูน ธิดาเจ้าราชสัมพันธวงศ์ (เจ้าหนานธรรมลังกา ณ เชียงใหม่) กับเจ้าแม่คำย่น ณ ลำพูน ราชเทวีในเจ้าหลวง จักรคำขจรศักดิ์ ก็โปรดการทอผ้าซิ่นตีนจก ผ้ายก และให้การ อุปถัมภ์การทอผ้าเสมอมา (ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์กรมหาชน), 2558)
  • @dataDate 2021-03-08 06:27:17

Date

พ.ศ. 2503

Description

1)คำอธิบายเกี่ยวกับผ้า :
- การทอผ้ายกดอก หมายถึง การยกเส้นยืนเพื่อที่จะสอดเส้นพุ่งเพื่อทำให้เกิดลวดลาย นิยมทอทั้งผ้าฝ้ายยก และผ้าไหมยก เส้นพุ่งนั้นอาจเป็นฝ้ายหรือไหมสีอื่น เพื่อทำให้ลวดลายให้เกิดขึ้น หรืออาจใช้ดิ้นเงินดิ้นทองก็ได้ การทอผ้ายกมีขั้นตอนตั้งแต่การคัดเลือกเส้นใย การย้อมสี การขึ้นหูกขึ้นกี่ การร้อยด้ายเข้าฟืม การเก็บตะกอทำเส้นด้าย และการเก็บตะกอทำลวดลาย จากนั้นจึงทำขั้นตอนของการทอ ซึ่งขึ้นอยู่กับความชำนาญและความคุ้นเคยกับลายที่ทอ (คณะศึกษาศาสตร์ และศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2535)
2) การใช้ประโยชน์ของผ้า : ใช้นุ่งในชีวิตประจำวัน

Inscription

-การแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยวน การแต่งกายของผู้หญิงไทยวนจะมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง คือ “ผ้าซิ่น” ที่มีลักษณะเป็นผ้าริ้วลายขวาง ต่อตีด้วยผ้าสีแดงหรือดำและต่อหัวด้วยผ้าสีขาว สีแดง หรือดำ หรืออาจจะเป็นผ้าสีเดียวก็ได้ โดยการเย็บเข้าด้วยกัน เรียกซิ่นชนิดนี้ว่า “ซิ่นต๋า” หรือ “ซิ่นต่อตีนเอว”

Location

พิพิธภัณฑ์ผ้าทอโบราณเฮือนยอง วัดต้นแก้ว

Material

ผ้าฝ้าย

Measurements

กว้าง 38 นิ้ว ยาว 39 นิ้ว

Relation

1)ลายหลัก : ลายคุณนายตื่นสาย (ลายประยุกต์ใหม่)
-การเปลี่ยนแปลงลวดลายของผ้ายกดอกลำพูน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
(1) ระยะแยก ลายดอกพิกุลในระยะนี้เรียกว่า “ลายแบบดั้งเดิม” เป็นลายที่ทอกันอยู่ก่อนแล้ว ลายดอกพิกุลแบบดั้งเดิมจะมี 5-6 เขา (ไม้) เท่านั้น
(2) ระยะที่ 2 หลังพ.ศ. 2457 เมื่อเจ้าหญิงส่วนบุญได้นำความรู้ในการทอผ้ายกดอกที่ได้รับการถ่ายทอดการทอผ้ายกดอกจากพระราชชายาเจ้าดารารัศมีมาประยุกต์งานหัตถศิลป์พื้นบ้านด้านลวดลายของลายดอกพิกุล โดยเพิ่มเขาให้มีจำนวนไม้มากขึ้น ตั้งแต่ 7 ไม้ขึ้นไป ลวดลายเป็นลายเฉพาะของดอกพิกุล ที่มีความงดงามยิ่งขึ้น เรียกโดยรวมว่า “ลายพิกุลธรรมดา” ประกอบด้วย ลายดอกพิกุลกลม ลายดอกพิกุลเหลี่ยม ลายดอกพิกุลมีขอบ ลายดอกพิกุลเล็ก พิกุลจันทร์แปดกลีบ เป็นต้น ซึ่งการเรียกชื่อลายนี้ช่างทอผ้าแต่ละคนจะเรียกตามลักษณะของลายที่ทอออกมาไม่มีชื่อเรียกมาตรฐานที่ตายตัว
(3) ระยะที่ 3 หลังพ.ศ. 2475 เป็นช่วงที่เรียกว่าได้ว่าเป็นยุคทองของผ้าทอยกดอกของจังหวัดลำพูน ผ้าทอยกดอกของจังหวัดลำพูนเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก กอปรกับการคมนาคมสะดวกขึ้น และมีโรงงานทอผ้าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในเขตตัวเมืองลำพูน มีการแข่งขันกันสูง จึงเกิดการประยุกต์ลวดลายของดอกพิกุล โดยคงลายดอกพิกุลอยู่ แล้วเพิ่มลายใหม่เข้าไปผสมผสานให้เกิดความงดงามและความหลากหลายในลวดลาย หรือเพิ่มเกสรของลายดอกโดยใช้ดื้นเรียกลวดลายโดยรวมว่า “ลายพิกุลประยุกต์” ประกอบด้วย ลายพิกุลโยง ลายพิกุลโยงมีเกสร ลายพิกุลมีเกสร ลายแก้วชิงดวง ลายพิกุลล้อมดอกบัว ลายพิกุลล้อมลายไทย เป็นต้น
(4) ระยะที่ 4 ตั้งแต่พุทธศักราช 2500 เป็นต้นมา ได้มีการคิดค้นและประดิษฐ์ลวดลายใหม่ๆขึ้นมากมาย ซึ่งลวดลายเหล่านั้นอาจเกิดจากการติดต่อแลกเปลี่ยน เช่น ลายเงี้ยว หรืออาจจะใช้สิ่งแวดล้อมรอบตัวที่พบเห็นแล้วนำมาประยุกต์เป็นลวดลายลงในผืนผ้า เช่น ลายกุหลาบพันปี ลายคุณนายตื่นสาย ลายนกยูง เป็นต้น และอาจเป็นลวดลายใหม่ที่คิดขึ้นเองผสานกับลายไทยที่ตีพิมพ์ในหนังสือเกี่ยวกับผ้าพื้นเมืองทั่วไป เช่น ลายนพรัตน์ ลายเกลียวมัลลิกา เป็นต้น และมีมากมายหลายลายที่ยังไม่มีการตั้งชื่อ เรียกโดยรวมว่า “ลายประยุกต์ใหม่” (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน, 2551)
2) ลายประกอบ : ลายสนฉัตร
3) ลักษณะการใช้งาน : ใช้เป็นผ้านุ่งใช้ในชีวิตประจำวัน
4) ประเภทลายผ้า :
-ลายโบราณ
-ลายประยุกต์ใหม่
5) การสื่อความหมายของผ้า (ลวดลายผ้า เช่น ลายพรรณพฤกษา, ลายสัตว์ เป็นต้น) :
- ลายคุณนายตื่นสาย และลายสนฉัตร เป็นลายพรรณพฤกษา ซึ่งเป็นลวดลายที่มีความเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ต้นไม้
6) ตำแหน่งบนผืนผ้า (ตีนซิ่น ตัวซิ่น หัวซิ่น)
- ตีนซิ่น (เชิงซิ่น) ปรากฎลายดอกคุณนายตื่นสายตรงส่วนลายท้อง และปรากฎลายสนฉัตรในส่วนพวัน
7) ความเชื่อของลายผ้าทอ : ไม่ระบุ
1)การออกแบบลวดลายผ้ายกดอก
-การออกแบบลวดลายผ้ายกดอก มี 2 ลักษณะ คือ
(1) การแกะลาย เป็นขั้นตอนที่อาศัยความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็ฯกระบวนการอ่านจำนวนเส้นด้ายขึ้นและลงในแต่ละเขาหรือไม้ โดยอ่านเส้นด้ายจากผ้าผืนเดิมเพื่อให้การทอผ้าผืนใหม่มีลวดลายของผ้าเหมือนผ้าผืนเดิม ซึ่งวิธีการแกะลายผ้ายกดอกลายดอกพิกุล ช่างแกะลายจะดูช่องฟันหวี โดยช่องหนึ่งจะมีสองเส้นแล้วดูลายเริ่มจากเขาที่ 1 ตั้งแต่เอวถึงเชิงไปทีละลาย ซึ่งแต่ละเขาช่องว่างระหว่างลายจะลงและขึ้นไม่เหมือนกันแล้วจุดลายลงบนสมุดกราฟ โดยเริ่มดูลายจากครึ่งดอกเวลาจุดลาจุดครึ่งดอก ซึ่งเวลาทอผ้าจะทอไปกลับได้หนึ่งดอก
(2) การจุดลาย เป็นกระบวนการจุดลายที่ต้องการทอลงบนกระดาษกราฟแล้วระบายสีลงในช่อง โดยใช้สีหรือเครื่องหมายสำหรับช่องขึ้นและช่องลงให้ต่างกันเพื่อให้เห็นลวดลายเด่นชัด การจุดลายนั้นจะจุดลายเพียงครึ่งดอก หรือครึ่งลาย ซึ่งเมื่อนำไปทอจะทอไปกลับทำให้ได้หนึ่งดอกหรือเต็มลาย (ณัฐพร ศรีกัณทา, 2547; สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน, 2551)

Source

1) สถานที่พบเห็นลายผ้า : ต.เวียงยอง อ.เมือง จ.ลำพูน
2) สถานที่ผลิตลายผ้า : จ.ลำพูน
3) สถานที่จำหน่ายลายผ้า : จ.ลำพูน

Style Period

1)พ.ศ. : พ.ศ. 2503
2)ยุคสมัยของการทอ : ตั้งแต่พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา
3) อายุของผ้า : 60 ปี

Subject

-ผ้ายกเชิงลายคุณนายตื่นสาย
-ผ้าทอ, ผ้านุ่ง, ผ้าถุง, ผ้าซิ่น
-ลายคุณนายตื่นสาย
-ลายสนฉัตร
-ลายประยุกต์ใหม่

Technique

1)เทคนิคการทอ :
-การยก การทอด้วยเทคนิค “การยก” คือการยกลวดลายด้วยตะกอ เรียกว่า “ผ้ายก”
-การทอยกดอก หมายถึงการยกเส้นยืนเพื่อที่ สอดเส้นพุ่งเพื่อทําให้เกิดลวดลาย นิยมทอทั้งผ้าฝ้ ายยกและผ้าไหมยก เส้นพุ่งนั้นอาจเป็นฝ้ ายหรือ ไหมสีอื่น เพื่อทําให้ลวดลายที่เกิดขึ้นหรืออาจใช้ดิ้นทองก็ได้ การทอผ้ายกมีขั้นตอนตั้งแต่ การ คัดเลือกเส้นใย การย้อมสี การสืบหูก การร้อยด้ายฟืม การเก็บตะกรอทําเส้นด้าย การเก็บ ตะกรอทําลวดลาย จากนั้นจึงทําขั้นตอนของการทอ ซึ่งขึ้นอยู่กับความชํานาญและความคุ้นเคยกับ ลายที่ทอ การทอผ้ายกดอกที่เป็นที่รู้จักและนิยมกันมากจะเป็นผ้าไหมยกดอก โดยเฉพาะผ้าไหม ยกดอกลําพูน ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักทั่วไป (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน, 2551)
2) สีของผ้า : สีน้ำตาลทอง สีทอง
3)วัสดุตกแต่งผ้า : ไม่มี
4)การย้อมสีฝ้าย : สีย้อมที่ใช้ย้อม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
(1) สีธรรมชาติ ส่วนมากจะได้มาจากส่วนต่างๆของพืช เช่น แก่นขนุน หัวหรือเหง้าขมิ้นชัน เปลือกกระหูด ต้นคราม ลูกมะเกลือ ดอกคำฝอย รากยอป่า มูลครั่ง เป็นต้น
(2) สีวิทยาศาสตร์ เป็นสีที่ผสมขึ้นด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น สีเบสิค สีแอสิค สีไดเร็ด สีรีแอ็คทีฟ สีแวต เป็นต้น (ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์กรมหาชน), 2558)
5) อุปกรณ์ในการทอผ้า : การทอผ้ายกดอกเป็นงานที่มีความละเอียดสูง สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอประกอบด้วย กี่ ฝ้ายเครือ กวัก ม้าเดินด้าย ตะกอ กระสวย เขาดอก เขาย้ำ ฟันหวี ไม้หลาบ ไม้กระแทก ไม้เหยียบ ไม้คิ้ว และไม้เภา (มนชนก อุปะทะ, 2559)
6) ขั้นตอนการทอ :
(1) การออกแบบลายกราฟ
(2) การกรอไหมและการเข้าหลอด คือการนำเส้นไหมที่ผ่านกระบวนการฟอก การย้อม และการลงแป้งมากรอกเข้าหลอด ซึ่งมีอยู่ 2 ขนาด คือ หลอดใหญ่และหลอดเล็ก โดยการกรอเส้นไหมเข้าหลอดใหญ่โดยนำเส้นไหมที่ทำการย้อมเสร็จเรียบร้อยแล้วมาสาวเส้นไหมเข้าหลอดเพื่อเตรียมไปทอผ้ายก และกรอเส้นไหมเข้าหลอดเล็กด้วยปริมาณไหมที่พอดีไม่หนาเกินไป
(3) การกวักฝ้าย คือการนำเอาฝ้ายมาทำเป็นไจ แล้วเอาฝ้ายมาเข้าเครื่องกวัก หลังจากนั้นำฝ้ายที่ได้มากวักเข้าใส่กระป๋อง
(4) การโว้นหูกหรือการสาวไหม เริ่มจากการนำไหมยืนหลอดใหญ่ใส่ช่องเสียบหลอดที่ราวใส่หลอดไหมตามจำนวนที่กำหนด ดึงเส้นไหมทุกหลอดมารวมกันแล้วนำมาที่จุดเริ่มต้นของม้าเดินไหม นำกระบอกมาคล้องเส้นไหมทั้งหมดแล้วดึงให้ตึงอย่างต่อเนื่อง
(5) การเข้าหัวม้วน คือการนำไหมยืนสาวเรียบร้อยแล้วมาเข้าฟืมและดึงไหมยืนเข้าหัวม้วนเพื่อเตรียมเอาขึ้นกี่ทอผ้า
(6) การนำหัวม้วนขึ้นกี่ทอผ้าพื้นเมืองมี 2 ลักษณะ คือ การนำหัวม้วนขึ้นกี่ใหม่และการำหัวม้วนขึ้นเพื่อสืบหูก
(7) การเก็บตะกอเหยียบ คือ การใช้ด้ายไนลอนร้อยเส้นไหมยืนออกเป็น 2 ชุด ใช้สำหรับการยกและการข่มเส้นไหมเวลาทอผ้ายก
(8) การคัดลาย คือ การนำลายกราฟที่ออกแบบเรียบร้อยแล้วมาคัดลายบนเส้นไหมยืนแต่ละเส้นตามที่ออกแบบไว้ เพื่อนำไปเก็บตะกอดอกและใช้สำหรับการยกลวดลายบนผืนผ้า
(9) การเก็บตะกอดอกหรือการร้อยตะกอเขาดอก คือการใช้ด้ายไนลอนมัดเก็บลวดลายที่คัดไว้ก่อนหน้านี้ ร้อยผูกกับไม้ดิ้ว ตามจำนวนช่องฟันหวี (จำนวนเส้นไหม) ที่ถูกยกขึ้นจนหมดเป็นแถวๆไป
(10) การทอผ้ายกเป็นขั้นตอนสุดท้าย คือการทอผ้ายกโดยนำเส้นไหมที่ผ่านกระบวนการต่างๆ ตามที่กลาวมาตามลำดับมาถักทอลวดลายให้เป็นผืนผ้า ซึ่งผ้ายกลำพูนมีวิธีการทอเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่การยกลวดลายของผ้าแต่ละผืนโดยอาจยกตะกอดอกครั้งเดียว หรืออาจยกตะกอดอกซ้ำกัน 2 ครั้งเพื่อให้ได้ขนาดดอกหรือลวดลายที่ใหญ่ขึ้น (ทัศวรรณ ธิมาคำ, รัตนา ณ ลำพูน และทรงศักดิ์ ปรางค์วัฒนากุล, 2554; ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์กรมหาชน), 2558; มนชนก อุปะทะ, 2559)
7) โครงสร้างของผืนผ้า :
- ผ้าทอยกดอกลายดอกพิกุลที่มีความนิยมมากที่สุดคือผ้าซิ่น ผ้าซิ่นรุ่นเก่าจะเป็นผ้าซิ่น ยกเชิง ต่อมามีการเพิ่มลายทั้งผืนเป็นผ้าซิ่นยกเชิงยกทึบ ส่วนประกอบของซิ่นจะมี 2 ส่วน ได้แก่ ตัวซิ่น และเชิง ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือการถักทอส่วนประกอบของผืนผ้ามีความละเอียดอ่อน รอยต่อของช่วงลายแต่ละลายจะมีลายคอ ซึ่งส่วนมากจะเป็นลายประยุกต์ทําให้ช่วงลายแต่ละช่วงมี ความกลมกลืนกัน และมีชื่อเรียกแต่ละช่วงลายเรียงลําดับตั้งแต่ตีนซิ่นขึ้นไปถึงเอว ดังนี้
-เชิง ประกอบด้วย
(1) พวันตีน ได้แก่ริมล่างสุดของผืนผ้าซิ่น ลายเชิงเดินเป็นลายสนฉัตร แต่ปัจจุบันเพื่อ ความอ่อนช้อย งดงามได้มีการเพิ่มลายดอกหรือลวดลายแทรกในหัวเชิง
(2) คอที่ 1 คือส่วนที่ถัดจากพวันตีน ลายคอส่วนมากจะเป็นลายประยุกต์ และจะมีคัน ปิดส่วนล่าง-บนของคอ อาจเป็นลายเล็กๆที่เป็นเส้นตรง หรือลายโค้งหยัก เพื่อให้เกิดการผสมผสาน กับลายท้อง ทําให้เกิดความกลมกลืนระหว่างลาย
(3) ดอกท้อง (เชิงกลาง) คือส่วนที่ถัดจากคอที่ 1 ใส่ไว้เพื่อเล่นลวดลายของเชิงผ้าให้มี ความโดดเด่น โดยจะเป็นลายยกดอกพิกุล ในผ้ายกเชิงทึบลวดลายของเชิงกลางส่วนมากจะเป็น ลายเดียวกันกับลายตัวซิ่น แต่อาจทําให้โดดเด่นโดยการใช้ดิ้น
(4) คอที่ 2 คือส่วนที่ถัดจากดอกท้อง จะใช้ลายเดียวกันกับคอที่ 1
(5) พวันเล็ก คือส่วนที่อยู่ถัดจากคอที่ 2 บางครั้งเรียกงูลอย เพราะลวดลายมีลักษณะโค้ง หยักไปมาคล้ายงู ใส่ไว้เพื่อแยกส่วนเชิงกับตัวซิ่น และช่วยให้ลายเชิงกับลายตัวซิ่นไม่กระด้าง มีความกลมกลืนกัน ตัวซิ่ น เป็นส่วนที่มีความกว้างมากที่สุด อยู่ถัดจากพวันเล็กจนถึงเอว ในผ้าซิ่นยกเชิง
(6) ตัวซิ่นจะเป็นสีพื้นโดยการใช้ด้วยพุ่งสีเดียวกันตลอดทั้งผืน หรือหากต้องการสีสลับก็ใช้เส้นยืนใน การสลับสีให้สวยงาม ส่วนในผ้าซิ่นยกเชิงทึบ ตัวซิ่นจะเป็นลายยกดอกพิกุลเต็มตัวซิ่น และส่วนมาก จะเป็นลายเดียวกับลายท้อง (สำนักส่งเสริมวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน, 2551)

Worktype

งานหัตถกรรมพื้นบ้าน ประเภทเครื่องทอ

Citation

“ผ้ายกเชิงลาย,” ผ้าโบราณ, accessed April 19, 2025, https://angkaew.com/virtual_museum/omeka/items/show/16.